วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

การสร้างบล็อกเกอร์


การสร้างบล็อกเกอร์

การสร้าง Blogger


รู้จักกับ Blogger.com


Blogger.com เป็นบริการฟรี Blog ของบริษัท Google ซึ่งเปิดให้บุคลทั่่วไปสามารถสมัครใช้บริการเขียนเรื่องราวต่างๆ ของผู้ใช้บริการ Blogger.
ปัจจุบัน Blogger ถือเป็นที่นิยมอย่ามาก ผู้คนที่ต้องการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง หรือเขียนเรื่องราวที่ตนเองชื่นชอบ สามารถสมัครใช้บริการ Blogger ได้ง่ายๆ และสามารถทำให้ Blog ของพวกเขา เป็นที่รู้จักทั่วโลกผ่านระบบ Internet ภายในเวลาอันรวดเร็ว. ไม่แปลกเลยที่ Blogger จะเป็นที่นิยมมีคนใช้้มากมาย

เรามาดูตัวอย่างของ Blogger กันค่ะ ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง

สามารถสร้าง Blog ส่วนตัว ที่มีลักษณะคล้างคลึงกับ Website
เขียนเรื่องราวที่ชื่นชอบ สู่สายตาคนทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
มีระบบ Comment ผู้อ่านสามารถใส่ความคิดเห็นตอบกลับไปยังเจ้าของ Blog
เป็นสังคมของผู้ที่ติดตามเรื่องราวใน Blog นั้น
ข้อดีของ Blogger ที่ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากมายทั่วโลก

มีระบบการใช้งานที่ง่ายมาก สำหรับคนที่ไม่รู้อะไร ก็สามารถที่จะเขียน Blog ได้ทันที
สามารถปรับแต่เนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Blog วีดีโอ, Blog รูปภาพ, หรือแม้แต่การแสดงความสามารถของตนเองผ่าน Blogger และอื่นๆอีกมากมาย
สร้างเนื้อหาได้อย่างไม่จำกัด
ปรับแต่หน้าตาของ Blog ได้อย่างสวยงาม และมี Theme (หน้าเว็บที่ถูกปรับแต่งให้สวยงามมาแล้ว) ให้เลือกใช้อย่างมากมาย ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้เพียงแค่ 1 คลิ๊กเท่านั้น!
วิธีสมัคร Blogger

สิ่งแรกที่ต้องมีในการสมัคร Blogger คือ E-mail ของ Gmail เท่านั้นค่ะ เมื่อเพื่อนๆที่สมัคร Gmail เรียบร้อยแล้ว สามารถทำตามวิธีดังต่อไปนี้เลยค่ะในการสมัคร Blogger มาใช้งานกัน

1. สามารถเปลี่ยนภาษาทางด้าน ขวาบน ได้หลากภาษาค่ะ จากนั้นคลิ๊กที่สร้างบล๊อกดังรูปค่ะ



2. ตั้งชื่อส่วนหัวของบล๊อก ตั้งชื่อบล๊อก จากนั้นก็ คลิ๊กดำเนิกการต่อ
ดังรูปค่ะ





3. เลือกแม่แบบ หรือ Theme (หน้าตาบล๊อก) จากนั้น คลิ๊ก ดำเนินการต่อ
ดังรูปค่ะ



4. เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ คลิ๊ก เริ่มต้นการเขียนบล๊อก ได้ทันทีเลย
ดังรูปค่ะ



ง่ายมากๆ เลยใช่ไหมค่ะ ก่อนที่เพื่อนๆจะเริ่มเขียนบล๊อก แนะนำให้เพื่อนๆศึกษาการใช้งานให้เข้าใจก่อนนะค่ะ เพื่อทำความเข้าใจและเริ่มต้นสร้างบล๊อกได้อย่างไม่ติดขัดค่ะ สิ่งที่เพื่อนๆจะต้องศึกษามีดังนี้ค่ะ

แผงควบคุม Dashboard


เมื่อเพื่อนๆทำการ Login เข้ามาโดยใช้ E-mail และ Password เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เพื่อนๆ จะต้องเจอหน้าแรกก็คือ แผงควบคุม (Dashboard)

แผงควบคุม (Dashboard) เป็นหน้าที่รวม Blog ที่เราสร้างไว้ทั้วหมด รวมทั้งการเข้าถึง Blog นั้นๆ เพื่อแก้ไข หรือสร้างบทความใหม่ การปรับแต่ง ตั้งค่า และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะอธิบาย เมนู การใช้งานหน้าแผงควบคุม (Dashboard) ให้อย่างละเอียด เพื่อให้เพื่อนเข้าใจการใช้งาน Blogger ค่ะ
เมนูต่างๆของหน้า แผงควบคุม (Dashboard)

เมนูต่างๆที่เพื่อนๆต้องรู้มีไม่มากค่ะ แต่อาจจะลายตาไปหน่อยนะค่ะ ดูตามรูปภาพเลยค่ะ


E-mail
ที่เราใช้สมัครเป็บ Username ของเราค่ะ

หน้าแผงควบคุม(Dashboard)

หน้า Account
หรือหน้ารวมเครื่องมือต่างๆ ที่เราสมัครกับ Google เช่น E-mail, Blog, สามารถเปลี่ยนรหัสได้ในหน้านี้

ช่วยเหลือ
เป็นการช่วยเหลือในส่วนต่างๆ ของ Blogger ที่ Google ทำไว้ให้เราค่ะ

ออกจากระบบ
เป็นการ Logout ออกจากระบบการใช้งานเมื่อใช้งานสร็จค่ะ

เปลี่ยนภาษา
ของบล๊อกเราทั้งระบบค่ะ

ประวัติของเรา
สามารถปรับรูปภาพเกี่ยวกับเจ้าของค่ะ หรือโปรไฟล์ต่างๆ

สร้างบล๊อกใหม่
และช่วยเหลือตามข้อ 4 ค่ะ

ชื่อของบล๊อก
หรือ Title ของบล๊อกเรา ที่เราตั้งค่าไว้ตอนสมัครค่ะ

ดูบล๊อกของเรา

สร้างบทความใหม่ให้กับบล๊อก

แก้ไขบทความ
เป็นการแก้ไขบทความต่างๆ ที่เราสร้างไว้แล้ว สามารถแก้ไขได้ในส่วนนี้

การตั้งค่า
เป็นการตั้งค่าต่างๆ เช่น ชื่อบล๊อก และอื่นๆอีกมากมายค่ะ

รูปแบบ
เป็นการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของบล๊อกเรา (Theme)

การสร้างบทความ (Post)
ส่วนของการสร้างบทความให้เข้าไปที่ "การส่งบทความ" หัวข้อ "สร้าง" ให้เพื่อนๆทำความเข้าใจเมนูและเครื่องมือต่างๆ ของการสร้างบทความใน Blogger เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน


ความเข้าใจเบื้องต้นในการสร้างบทความ

การสร้างบทความใช้พื้นฐาน Microsoft word คือเขียนอย่างไรก็จะออกมาอย่างนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนของ "เขียน"
ในส่วนนี้จะเหมือน Microsoft Word เกือบทุกๆอย่าง อยากเขียนอะไร อยากใช้ตัวหนา ตัวเอียง การใส่ Link เพียงแค่คลิ๊กเมนูการใช้งานด้านบน มีข้อเสียคือ เวลา Copy อะไรก็ตามแล้วนำมา Paste ลงในนี้ ลักษณะของของตัวอักษรจะเหมือนกับต้นแบบที่ Copy มาทุกอย่างค่ะ
ส่วนของ "HTML"
ส่วนนี้ต้องใช้ความรู้พอสมควรในการปรับแต่เนื้อหาหรือบทความที่เราเขียนให้เป็นไปตามที่เราตั้งใจ ซึ้งต้องใช้ความรู้ภาษา HTML พอสมควร แต่ไม่ได้ยากเท่าไรค่ะ ข้อดีคือ สามารถปรับตามความต้องการของเราได้ทุกอย่าง เมื่อ Copy อะไรมาวาง ลักษณะตัวอักษรจะถูกปรับเป็นตัวอักษรปกติของบล๊อกเราค่ะ
ข้อสังเกต


การ Copy อะไรมาวางถ้าไม่อยากให้ลักษณะผิดเพี้ยน ไม่ตรงตามรูปแบบที่สวยงาม ให้ Copy แล้วทำมา Paste ในส่วนของ HTML ค่ะ ข้อความทั้งหมด จะถูกปรับให้การแสดงผลเป็นค่าปกติของบล๊อกเรา ไม่ใช่ตามลักษณะต้นแบบที่เรา Copy มาค่ะ



เครื่องมือต่างๆ ในการสร้างบทความ

Blogger มีเครื่องมือต่างๆมากมาย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเขียบบทความได้ตามรูปแบบที่ตั้งใจ ดูตามดังรูปเลยค่ะ



แบบอักษร สามารถเลือกตัวอักษรได้ตามต้องการ
ปรับขนาดตัวอักษร ปรับขนาดความใหญ่หรือเล็กลง
ตัวหนา
ตัวเอียง
สีของตัวอักษร
ทำ Link ให้ข้อความ เราสามารถสร้าง Link ให้ข้อความได้โดยการ คลิ๊กคลอบข้อความที่เราต้องการแล้วกดที่เมนูนี้ ระบบจะให้ทำการใส่ URL (ที่อยู่ของ Link เช่น www.snook.com) เมื่อคลิ๊กที่ข้อความจะถูกส่งไปยังหน้าเว็บที่เราใส่ Link เข้าไป
ทำบทความให้ชิดซ้าย
ทำบทความให้อยู่กึ่งกลาง
ทำบทความให้ชิดขวา
ทำบทความให้ชิดทั้งขอบซ้ายและขวา
ทำรายการเรียงลำดับเป็นตตัวเลข
ทำรายการเรีนงลำดับเป็นจุด
ใส่ "," ให้กับข้อความที่ต้องการเน้นคำพูด
เพิ่มรูปภาพลงในบทความของเรา ระบบจะให้เราอัพโหลดไฟล์รูปภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา สามารถปรับขนาดและจัดรูปแบบให้อยู่ ซ้าย,กลาง,ขวา ได้
เพิ่ม Video เข้าไปในบทความของเราเช่นเดียวกับรูปภาพค่ะ
ส่วนนี้เป็นการลบข้อความที่เราเขียนผิดพลาด ในส่วนนี้ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร หรือไม่ได้ใช้เลยก็ได้
แก้ไข HTML ส่วนนี้ต้องใช้ความรู้พอสมควรในการปรับแต่เนื้อหาหรือบทความที่เราเขียนให้เป็นไปตามที่เราตั้งใจ ซึ้งต้องใช้ความรู้ภาษา HTML พอสมควร
หน้าที่ใช้เขียนบทความเหมือนการใช้งาน Microsoft Word
แสดงตัวอย่างที่เราเขียนบทความ
การใส่หัวข้อเรื่อง เช่น เรื่อง "การตกแต่งบ้างโดยใช้ต้นไม้ประดับ" หัวข้อก็คือ การตกแต่งบ้าน (บ่งบอกให้รู้ว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร)
ทำการเผยแพร่บทความทันที บทความจะแสดงหน้าบล๊อกของเราทันที่ที่เราเผยแพร่
บันทึก เป็นการบันทึกบทความไว้ก่อน จะยังไม่แสดงในหน้าบล๊อกของเรา เหมือนการร่างบทความ เราสามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนทีหลังได้ใน "การแก้ไขบทความ"


การแก้ไขบทความ Blogger (Edit Post)

การแก้ไขบทความของ Blogger มีระบบการใช้งานที่ง่ายมาก อยากจะแก้บทความไหน ก็แก้ในบทความนั้น อยากจะใช้ป้ายกำกับอะไรให้บทความ ก็สร้างป้ายกำกับ และกดตั้งค่าป้ายกำกับ สามารถลบบทความ ลบป้ายกำกับ ดูรายละเอียดการสร้างบทความ เช่น บทความเผยแพร่เวลาเท่าไร ใครเป็นผู้เขียนบทความนั้น เรามาดูเมนูควบคุมต่างๆ ของการแก้ไขบทความกันเลย


การใช้งานป้ายกำกับ เราสามารถ ลบ เพิ่ม และเปลี่ยนป้ายกำกับให้บทความเราได้ โดยการติ๊กช่องหน้าบทความค่ะ
ช่องค้นหา สามารถค้าหาบทความโดยใส่ Keyword ลงไปค่ะ
ช่องแก้ไข และ ชื่อบทความหรือหัวข้อใหญ่ของบทความ ในการแก้ไข เพิ่มป้ายกำกับให้บทความ ลบบทความ เราสามารถติ๊กถูกในช่องหน้าแก้ไข จะสามารถแก้ไขได้พร้อมๆกันค่ะ
ร่างและวางกำหนดการแสดงของบทความ
บทความที่นำเข้ามาจากบล๊อกอื่น
บทความที่เผยแพร่แล้ว
บทความต่อหน้า จะให้หน้านี้แสดงบทความทั้งหมดกี่บทความ
ลบบทความ
ชื่อคนเขียนบทความ
บทความได้เผยแพร่เวลาเท่าไร
รายชื่อป้ายกำกับทั้งหมด ในส่วนของ () คือจำนวนบทความที่อยู่ในป้ายกำกับนั้น
เผยแพร่บทความ (ที่เราติ๊กถูกหน้าบทความ) ใช้สำหรับบทความที่ร่างไว้
ลบรายการที่เลือก (ที่ติ๊กถูกหน้าบทความ)
สร้างบทความใหม่
ชื่อของป้ายกำกับประจำบทความ
การตั้งค่า (Blogger Settings)

การปรับค่าการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ของ Blogger สามารถแก้ไขในเมนู "การตั้งค่า " ไม่ว่าจะเป็นชื่อบล๊อก, Url ของบล๊อก, ภาษาของบล๊อก,

การจัดการคลังบทความ ซึ่งมีการใช้งานในส่วนต่างๆ ไม่ได้ยากนัก เรามาดู การตั้งค่า (Settings) ของ Blogger ว่ามีอะไรบ้าง


อ่านต่อ เรื่องขั้นต้น (Basic Setting)
เป็นการตั้งค่าในส่วนของพื้นฐานเช่น หัวข้อ (title) คำอธิบาย (Description) และอื่นๆ ของ Blogger

อ่านต่อ เรื่องการเผยแพร่ (Publishing Setting)
การแก้ไข Url หรือชื่อของบล๊อก เช่น www.ชื่อบล๊อก.blogspot.com

อ่านต่อ เรื่องการจัดรูปแบบ (Formatting Setting)
แก้ไขรูปแบบของบทความ เช่น เวลา ภาษา รูปแบบวันที่

อ่านต่อ เรื่องข้อคิดเห็น(Comments Setting)
การตั้งค่าจัดการความคิดเห็น (Comment) ของ Blogger

อ่านต่อ เรื่องเก็บเข้าคลังบทความ (Archiving Setting)
การจัดการคลังบทความและการแสดงผลของบทความในหน้าบล๊อก

อ่านต่อ เรื่องฟีดของไซต์ (Site Feed Setting)
ตั้งค่าการส่งเนื้อหาแบบ RSS Feed

อ่านต่อ เรื่องอีเมลและมือถือ (Email Mobile Setting)
การส่งบทความผ่าน E-mail และะมือถือ

อ่านต่อ เรื่องOpenID (Open ID Setting)
ชื่อบล๊อกของคุณและ ID การใช้งาน

อ่านต่อ เรื่องสิทธิ์ (Permissions Setting)
สิทธิของผู้ใช้งาน ในส่วนผู้เขียนและผู้อ่าน

ตั้งค่ารูปแบบ (Layout Setting)

การตั้งค่ารูปแบบ เปรียบเหมือนการเปลี่ยนแปลงของหน้าบล๊อกเราที่จะแสดงต่อสายตาคนทั่วโลก การจัดวาวงรูปแบบเนื้อหาข้อมูลของบล๊อกเป็นส่วนสำคัญไม่น้อยที่จะทำให้ผู้คนเข้ามาแล้วติดใจ หน้าบล๊อกดูสะอาดตา มีเมนูการใช้งานต่างๆ ง่ายต่อการใช้งาน เพื่อนๆคงไม่อยากอ่านบทความต่างๆ

ของบล๊อกที่รก หาอะไรก็ไม่เจอ ดูวุ่นวายไปหมด ในส่วนนี้ Blogger จัดไว้ให้สามารถปรับแต่งได้ง่ายดายมากค่ะ ไม่ต้องไปเขียนโค้ด Html, php ก็สามารถสร้างบล๊อกหน้าตาเหมือน บี้เดอะสตาร์ หรือ พอลล่า ได้อย่างง่ายดาย เรามาดูการตั้งค่ารูปแบบเลยครับว่ามีอะไรบ้าง
ในส่วนของตั้งค่ารูปแบบ จะอยู่ในเมนู "รูปแบบ" ประกอบด้วยเมนูย่อย 4 อย่างดังรูป




เมนูต่างๆ ในเมนู "รูปแบบ"
องค์ประกอบของหน้า (Page Elements)
แบบอักษรและสี (Fonts and Colors)
แก้ไข HTML (Edit HTML)
เลือกแม่แบบใหม่ (Pick New Template)
หายังไม่เข้าใจเรื่องที่ผ่านมาเกี่ยวกับการตั้งค่าเบื่องต้น สามารถกลับไปอ่านได้ค่ะ อ่านเรื่อง การตั้งค่า (Setting)
เพื่อนๆ สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Gadget แต่ละตัว ว่ามีหน้าที่ยังไงได้ที่ หน้ารวม Gadget


Gadget ต่างๆ ใน Blogger

Gadget คือเครื่องมือต่างๆ ที่ Blogger ได้จัดเตรียมไว้ให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มลงไปในบล๊อก เป็นเครื่องมือสำเร็จรูปใช้การง่าย สะดวกรวดเร็ว อย่างเช่นการทำ Link เพื่อมาใช้เป็นเมนู เราก็สามารถเพิ่ม Gadget ที่ชื่อว่า "รายชื่อลิงก์ (Link List)" และสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งในหน้า องค์ประกอบของหน้า ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก เพื่อเพื่อนๆรู้จักคุณสมบัติต่างๆ ของ Gadget แต่ละตัวแล้ว จะสามารถสร้างบล๊อกที่โดนใจผู้อ่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในเนื้อหานี้ เพื่อนๆ จะทราบว่า Gadget แต่ละตัวคืออะไร มีการตั้งค่าและใชช้งานยังไง เราไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

เพื่อนๆสามารถคลิ๊กที่ "อ่าน...การตั้งค่าการใช้งาน" จะส่งเพื่อนๆไปยังรายละเอียดเกี่ยวกับ Gadget ตัวนั้นค่ะ


ผู้ติดตาม (Followers) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



HTML/JavaScript อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



ข้อความ (Text) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



รูปภาพ (Picture) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



สไลด์โชว์ (Slideshow) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



แถบวีดีโอ (Video Bar) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



แบบสำรวจ (Poll) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



รายการบล๊อก (Blog List) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



รายชื่อลิงก์ (Link List) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



รายการ (List) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



ฟีด (Feed) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน




Newsreel อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน




ป้ายกำกับ (Labels) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



ลิงก์การสมัคร (Subscription Links) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



โลโก้ (Logo) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



โปรไฟล์ (Profile) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



คลังบทความของบล๊อก (Blog Archive) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน



ส่วนหัวของหน้า (Page Header) อ่าน...การตั้งค่าใช้งาน

การทำ Sitemap ให้ Blogger

Sitemap เป็นบริการหนึ่งของทาง Google Webmaster Tool ก็คือบริการที่เปิดให้เรานำเว็บไซต์ของเราไปอยู่ในฐานข้อมูลของ Google เพื่อให้ Google นั้นสามารถส่ง Bot ออกมาเก็บข้อมูลใหม่ๆที่เราอัพเดตตลอดเวลา ดังนั้นการทำ Sitemap จึงมีผลดีในด้านการทำ SEO และช่วยให้เว็บของเราติด Index ได้อย่างรวดเร็วค่ะ

การทำ Sitemap ให้ Blogger อันดับแรกให้เราเข้าไปที่ Google Webmaster Tool จากนั้นให้เราทำการ Login โดยใช้ Gmail ของเราค่ะ จากนั้นให้เราใส่ Url ของ Blog เราลงไปดังรูป



เสร็จแล้วเราจะต้องทำการยืนยัน โดยทาง Google Webmaster Tool จะให้เราใส่โค้ดลงไปใน Blog ของเรา ดังรูปค่ะ





ให้เราเลือกวิธียืนยันค่ะว่าจะใช้วิธีไหน ให้เราเลือก Add a meta tag ค่ะ
ให้เรา Copy โค้ดในช่องไปใส่ในในส่วนของ แก้ไข Html ใน Blogger เราค่ะ
ใส่โค้ดที่เรา Copy มาหลัง Tag ก่อน ดังรูปค่ะ
เมื่อเราทำการใส่โค้ดลงไปแล้วให้เรากดทำการยืนยันที่นี้ได้เลย
จากนั้นให้เราเข้าไปที่เมนู Sitemap ค่ะ แล้วใส่ atom.xml ดังรูปค่ะ





เมื่อใส่ atom.xml แล้วทำการ Submit Sitemap แล้วก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ จะขึ้นดังรูปค่ะ



เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ จากนั้นก็รอ Bot เข้ามาเก็บข้อมูลเรื่อยๆ เมื่อเราอัพเดตเนื้อหาใหม่ทุกๆครั้งค่ะ


ปรับแต่ง Title ของ Blogger ให้ถูกหลัก SEO

ในการทำ Blogger ให้ถูกหลัก SEO ในส่วนของ Title ซึ่งจะต้องเป็นส่วนที่แสดงก่อนตามชื่อของแต่ละหัวข้อบทความ เมื่อคุณเข้า Edit Html ของ Template ของคุณจะพบกับ Code นี้ค่ะ ซึ่งจะอยู่ใสส่วนแรกดังรูปค่ะ



ให้เราใส่โค้ดด้านล่างนี้แทนโค้ดที่ตีกรอบสีแดงด้านบน






เมื่อแทนที่โค้ดเสร็จเรียบร้อยแลล้วจะเป็นดังนี้ ตามรูปค่ะ



จากนั้นกดบันทึกก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งจะมีผลด้าน SEO มากทีเดียว


หลักการทำ SEO ให้กับ Blogspot

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็จะมาแนะนำสำหรับเพื่อนๆหลายๆคนที่กำลังทำ SEO ให้กับ Blogspot อยู่ โดยปกติแล้ว Blogspot มันเป็นของ Google ยังไงๆมันก็ต้องถูกใจ Google อยู่ดี หากจะทำ SEO สำหรับ Blogspot เอาเวลาไปขยันโปรโมทจะได้ผลดีกว่าค่ะ แต่ถ้าไม่ปรับแต่งอะไรให้มันซักนิดเลยมันก็ยังไงๆอยู่ มาดูกันว่าควรจะปรับแต่งอะไรภายในบ้าง

Title, Description

ในส่วนของ Title สำคัญมากๆในการติดอันดับ เพราะ Bot ของ Google มันจะรู้ว่าเนื้อหาของบล๊อกเรามันเกี่ยวกับอะไร เช่นเกี่ยวกับ internet Marketing อาจจะตั้ง Title ว่า “Internet Marketing in Thailand” ส่วน Description เป็นการบอกว่า Title ของเรานั้นเกี่ยวข้องกับอะไร เป็นการใส่รายละเอียดให้กับ Title ของเราครับ แต่ส่วนนี้ไม่ค่อยสำคัญมากเท่าไร

เนื้อหา (Content)

“Content is King, Link is Queen” เนื้อหาย่อมสำคัญกว่า Links ถ้าอยากให้อันดับดีๆ ก็อย่า Copy บทความหรือเนื้อหาเขามา จะเอามาก็ดัดแปลงนิดนึงก็ยังดี เพราะสิ่งที่ Google รู้แล้ว มันก็จะไม่สนใจมากนักเขียนเนื้อหาเองทั้งหมดจะถูกใจ Google มากๆ ให้พยายามเขียนเนื้อหาที่กำลังเป็นที่นิยม หรือกำลังมีคน Search มากๆอยู่ ใส่ Keyword ลงไปพอประมาณ ไม่ต้องยัด Keyword มาก เพราะ Bot มันฉลาดกว่าที่คิด พยายามเขียนเนื้อหาที่เกี่ยวกับ Title ให้มากที่สุด ที่สำคัญอย่าสร้างเนื้อหาให้ Bot งง เขียนเรื่องหนึ่ง หมายถึงอีกเรื่องหนึ่ง มันไม่ดีนะค่ะ มันจะทำให้ Bot เก็บข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับ Keyword หรือ Title ของเราไปเยอะกว่าเนื้อหาหลักของเราค่ะ

ใส่ Tagต่างๆเพื่อให้ Bot เข้าใจง่ายขึ้น

ใส่ Tag ต่างๆที่สำคัญเพื่อเน้น Keyword ให้ Bot สนใจมากขึ้น เช่น ทำตัวหนาให้ Keyword, Tag
ทำพารากราฟให้กับเนื้อหา ใส่
    ,
  • ให้ Bot มันไต่ง่ายๆ

    ทำ Text Link ไปยังเว็บที่น่าเชื่อถือหรือที่เกี่ยวข้องกับ Keyword

    เหมือนกับเราอ้างอิงเนื้อหาของเว็บเราไปยังเว็บที่น่าเชื่อถือ เช่น “หลังจากที่ทดลองขายสินค้าใน Amazon ก็พบว่าจากแบรนของ Amazon นั้นสามารถขายสินค้าได้ง่ายๆ” ในการใส่ Text Link นั้นให้เราพยายามอย่า Link ไปยังเว็บอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและ Keyword ของเรา เช่น กำลังเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับการทำ SEO ก็ควรจะทำ Links คำว่า SEO ไม่ใช่ Link ไปที่อื่นและไม่ควรจะใส่มากเกินไป มันจะเหมือน Spam

    จัดระเบียบเนื้อหาหมวดหมู่ให้ดี

    นับวันๆ Google ยิ่งจะทำให้ Bot ของตนเองนั้น สามารถเข้าใจความคิดความรู้สึกของคนดูเว็บให้มากที่สุด ดังนั้นการทำให้เว็บดูสะอาดตา จัดหมวดหมู่ชัดเจน คนเข้ามาแล้วรู้ทันทีว่าเว็บเราเกี่ยวข้องกับอะไร นั้นแหละค่ะ เป็นสิ่งที่ดีและสำคัญที่สุดของการทำ SEO เอาใจคนดูให้มากที่สุดค่ะ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ปลาสวยงาม

ความน่าสนใจของปลาสวยงาม
        ในกลุ่มประเทศทางตะวันออก ประเทศจีนเป็นประเทศแรกที่ได้มีการเลี้ยงปลาไว้ชมเล่นปลาที่เลี้ยงนั้นได้แก่ปลาซึ่งเป็นต้นกำเนิดของปลาทองมีลักษณะคล้ายปลาตะเพียนได้มีการวิวัฒนาการขึ้นโดยมีสีสรรรูปลักษณะสวยงามเป็นปลาทอง ดังที่รู้จักกันในปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ควรจะได้รับเกียรติ โดยนำมากล่าว ณ ที่นี้ เพราะศิลปวิทยา และความพากเพียรเอาใจใส่เป็นพิเศษในเรื่องการเลี้ยงปลา ทำให้เกิด "ปลาทอง" ที่สวยงามน่ารัก และน่าเลี้ยงขึ้น ต่อมาก็เป็นที่รู้จักกันภายใต้ ชื่อว่าปลาสวยงาม ซึ่งทั้งนี้ รวมถึงปลาอื่นๆ ที่ สวยงามด้วย
        ปลาสวยงามเริ่มเป็นที่นิยมเลี้ยงกันเมื่อใดนั้น จากหลักฐานเท่าที่พบปรากฏว่าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเลี้ยงปลา เจริญก้าวหน้ามากกว่าประเทศอื่นใดในตะวันออก นั้นเริ่มเลี้ยงปลาสวยงาม เมื่อ พ.ศ. 2468 หรือเมื่อ 35 ปี มานี้เอง ปลาสวยงามชนิดแรกที่ญี่ปุ่นเลี้ยงได้แก่ ปลาหางดาบ (Swardtails)จากนั้นอีก 2 ปี จึงค่อยมีมากชนิดขึ้น
        ในประเทศไทย ก็คงเริ่มเลี้ยงปลา สวยงามกันบ้างเมื่อไม่ช้าไม่นานกว่าประเทศญี่ปุ่นเท่าใดนัก เพราะจากหลักฐาน เท่าที่พบปรากฏว่าเมื่อประมาณปี 2479 กรมประมงได้ร่วมมือกับกระทรวง สาธารณสุข ส่งเสริมแนะนำให้ปล่อยปลา Gambusia ซึ่งเป็นปลาชนิดหนึ่งที่กินยุงและเรียกกันว่าปลากินยุง ลงเลี้ยงตามบ่อและอ่างน้ำ เพื่อกำจัดยุงอันเป็นสื่อนำเชื้อ มาเลเรีย นอกจากนี้ปลาสวยงามที่มีกำเนิดในประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว เช่น ปลาซิวหางแดง ซึ่งปัจจุบันรู้จักในชื่อว่า รัสโบรา (Rasbora) ปลาข้างลาย รู้จักกันในชื่อว่า สุมาตรา หรือ Tiger barb และปลาทรงเครื่อง รู้จักกันในชื่อว่า Red-finned shark เมื่อระยะเริ่มแรกนั้นปลาสวยงามมีราคาแพงมาก ยากที่คนทั่วไปจะซื้อหามาเลี้ยงได้ทั้งนี้เพราะยังไม่แพร่หลาย
        ในปัจจุบันนี้การเลี้ยงปลาสวยงาม กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายและยังเติบโตขยายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ เป็นสินค้าส่งออกที่ทำรายได้หลายพันล้านบาทต่อปี

ประวัติปลาสวยงาม

        ไม่มีเอกสารหรือหลักฐานหลงเหลือให้เห็นว่ามนุษย์เริ่มรู้จักการนำปลาสวยงามมา เลี้ยงในที่เลี้ยงตั้งแต่เมื่อไรตั้งแต่ครั้งแรก แต่เป็นเชื่อแน่ว่ามนุษย์รู้จักวิธีที่จะเก็บรักษาเนื้อปลาไว้เป็นอาหารในมื้อต่อๆไป ในหลายรูปแบบ เช่น ย่าง รมควัน หมัก เกลือ ฯลฯ นานก่อนจะเรียนรู้วิธีเลี้ยงปลาอย่างแน่นอน และสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจก็คือ มนุษย์รู้จักการเลี้ยงปลาและฝึกเลี้ยงสัตว์หลายชนิด ก่อนที่จะมาสนใจถึงการเลี้ยงปลา เช่น เช่นสุนัขที่ถูกมนุษย์จับมาเลี้ยงและฝึกให้เชื่องได้มีหลักฐานอย่างแน่ชัด ว่าได้ ดำเนินติดต่อกันมาไม่น้อยกว่าหมื่นปีหรือแม้แต่แพะถูกเลี้ยงมาไม่น้อยกว่าเจ็ดพัน ปีทีเดียว บางทีอาจเป็น
        ไปได้มากกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อการเลี้ยงปลาอย่าง เช่น บ่อ เป็นต้น ไม่หลงเหลือหลักฐานมาถึงปัจจุบันบ่อที่เก่า ที่สุดเท่าที่นักโบราณคดีค้นพบคือ บ่อในยุคสุเมเรีย ซึ่งมีอายุประมาณ 4,500 ปีแล้ว ส่วนใหญ่แล้วบ่อในยุคนี้เท่าที่ค้นพบจะแย่ในศาสนสถานและคาดว่าจะเกี่ยวข้อง กับพิธีกรรมทางศาสนาของยุคนั้น แต่อย่างไรก็ดียังมีการค้นพบบ่อซึ่งคาดว่าเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลและมีหลักฐานว่าที่ใช้เป็นที่เก็บกักขังปลา เพื่อใช้เป็นอาหารอย่างแน่นอน และจากสภาพของบ่อที่ปรากฏให้เห็นก็มิใช่บ่อเลี้ยงหรือ บ่อสำหรับ เพาะพันธุ์ปลา
        การค้นพบทางโบราณคดียังชี้ลงไปอีกว่าชาวอัสซีเรีย ก็มีบ่อสำหรับกักตุน ปลาเป็นอาหารสด เช่นเดี่ยวกัน และคาดว่าชาวบาลิโลนก็คงจะมีบ่อในทำนองเดียวกันนี้อีก ส่วนชาวอียิปต์โบราณเมื่อสามพันปีมาแล้ว มีบ่อสำหรับตกปลาเป็น อาหารนอกเหนือจากบ่อเลี้ยงปลา ปลาที่ชาวอียิปต์เลี้ยงในยุคนั้นคือปลาไน ปลาในสกุล ทิลาเปีย (สกุลปลานิล) และหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ก็มีคันเบ็ดที่ใช้ตกปลานั่นเอง จึงเป็นที่แน่ชัดว่าการเลี้ยง ปลาในยุคนั้นเป็นไปเพื่อการยังชีพ

 ชนิดของปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบัน


1. ปลาทอง

        ปลาทองมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และได้มีการนำ เข้ามาเพาะขยายพันธุ์ในประเทศไทย จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีการคัดพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีลักษณะและสีสันแปลกออกไป นับเป็นปลาสวยงามเศรษฐกิจ ที่ได้รับความสนใจในปัจจุบัน

2. ปลาเสือพ่นน้ำ

        มีลักษณะตัวสั้นป้อมและแบนลำตัวด้านข้างมีลายประมาณ 3-4 ลาย ทำให้ได้ชื่อว่าปลาเสือ มีตาซึ่ง อยู่ค่อนไปทางด้านบน จึงมองเห็นเหนือน้ำได้ดี เป็นการปรับตัวให้เหมาะกับการหา แมลงกินเป็นอาหาร โดยมีการวิวัฒนาการให้เกิดร่องใต้เพดานปาก เพื่อสามารถจะพ่นน้ำออกไปเป็นลำได้ ในระยะไกลพอสมควร โดยแรงอัดของแผ่นปิดเหงือก ปลาเสือพ่นน้ำ ในประเทศไทยมีอยู่ 3 ชนิดคือ
  • 1. Toxotes chatareus เป็นปลาเสือพ่นน้ำที่อาศัยอยู่ทั่วไป
  • 2. Taxotes Jaculatrix เป็นปลาเสือพ่นน้ำที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำกร่อย
  • 3. Taxotes Microlepis เป็นปลาเสือพ่นน้ำที่มีเกล็ดเล็กถี่ มีอยู่ในภาคใต้ และแม่น้ำโขง

3. ปลาหมอสี

        ปลาหมอสีเป็นปลาสวยงามน้ำจืดที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง แม้ว่าจะเป็นพันธุ์ ปลาที่มีถิ่นกำเนิด ในต่างประเทศก็ตาม แต่ด้วยความสามารถของเกษตรกรไทย ทำให้มีการพัฒนา เพาะขยายพันธุ์ ปลาหมอสี ส่งออก และการผลิต ปลาหมอสี สายพันธุ์ใหม่ ๆ อีกด้วยปลาหมอสีมีถิ่นกำเนิน ในทะเลสาบน้ำจืดในทวีปแอฟฟริกามี ขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 9 ของโรคชื่อ "มาลาวี" และทะเลสาบ "แทนแกนยีกา" เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก และมีความลึกเป็นอันดับ 2 ของโลก และทะเลสาบวิคตอเรีย เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นปลาที่จัดอยู่ในวงศ์ ชิคลิดี ปลาชนิดนี้มีความหลากหลาย ทั้งชนิดและสายพันธุ์มีทั้งปลาบริโภค และปลาสวยงามได้แก่ ปลานิล, ปลาหมอเทศ, ปลาปอมปาดัวร์, ปลาเทวดา ปลาออสก้าร์ ฯลฯ ธรรมชาติของปลาชนิดนี้ เป็นปลาที่อดทน สามารถอดอาหารได้นับ 10 วัน

4. ปลาออสก้าร์

        ปลาออสก้าร์เป็นปลาอีกชนิดหนึ่งซึ่งได้รับความนิยม และเป็นสินค้าประมง ส่งออกไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก เกษตรกรไทย มีศักยภาพในการพัฒนาคุณลักษณะและสีสันให้มีความสวยงามเป็นที่ดึงดูด ความสนใจมากยิ่งขึ้น

 5. ไตรทอง

        เป็นปลาสวยงามอีกชนิดหนึ่งในตระกูลปลาหมอสี ซึ่งได้มีการพัฒนา ผสมข้ามสายพันธุ์ นับเป็นอีกผลงานหนึ่งของนักเพาะเลี้ยงปลาสวยงามชาวไทย

6. ปลาหางนกยูง

        ปลาหางนกยูง เป็นปลาสวยงามในกลุ่มปลาออกลูกเป็นตัวมีลักษณะ ลำตัว ครีบหาง สีสัน และลวดลายสวยงาม เป็นปลาที่เพาะเลี้ยงง่าย เจริญ เติบโตเร็ว ถ้าสนใจจะเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม หรืองานอดิเรก ด้วยการลงทุนที่ไม่สูงมากนัก
        อะโรวาน่า ตะพัด หรือปลามังกร จัดเป็น สุดยอด ปลาสวยงามอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมเลี้ยงในกลุ่ม ผู้รักปลาสวยงาม และกลุ่มผู้มีความเชื่อถือ ว่าเป็นสัตว์น้ำ นำโชคลาภและความเป็นศิริมงคล มาสู่ตนเอง อันจะนำไปสู่ การมีคุณภาพ ชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืนอีกด้วย

7. ปลากัด

        ปลากัดเป็นปลา สวยงาม พื้นเมืองของไทย ที่นิยมเพาะเลี้ยงมาตั้งแต่ อดีต ปลากัดที่มีการ เพาะเลี้ยงในประเทศไทย มี 2 ชนิดคือ ปลากัดจีน และปลากัดหม้อ หรือปลากัดไทย ชนิดที่มีการเพาะเลี้ยงเพื่อการส่งออกเป็นหลักคือปลากัดจีน

อาหารปลาสวยงาม (Aquarium Fish Nutrition)

        การเลี้ยงปลาสวยงามเพื่อให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะเลี้ยงปลาให้มีความสมบูรณ์นั้นประกอบด้วยการจัดการที่ดี สายพันธุ์ที่เติบโตเร็ว และอาหาร ซึ่งมีความจำเป็นเพื่อการเจริญเติบโต ของปลาอันจะทำให้ปลามีคุณภาพตามความต้องการของตลาด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจความต้องการอาหารซึ่งเป็นตัวกำหนด ชนิดของอาหาร ขนาดของอาหารที่เหมาะสม ปริมาณการให้อาหาร วิธีการให้อาหาร เพราะถ้าให้มากเกินไปทำให้น้ำเน่าเสียได้ สิ้นเปลืองเวลาในการเปลี่ยน ถ่ายน้ำสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดปัญหาเรื่องโรค และปัญหาอื่นๆ ตามมา อีกมากมาย
        อาหารจึงมีบทบาทสำคัญต่อการเลี้ยงปลาสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพ การเลี้ยงที่มีความหนาแน่นสูง ขณะเดียวกันที่ผู้เลี้ยงไม่สามารถจัดเตรียมอาหารธรรมชาติให้ได้เพียงพอ การผลิตอาหารปลาสวยงาม มีหลักการเช่นเดียวกับ การผลิตอาหารทั่วๆ ไป คือ ต้องทราบความต้องการโปรตีน คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, วิตามิน และแร่ธาตุ ที่เหมาะสม เพื่อการเจริญเติบโต และผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการขาดสารอาหารที่จำเป็นชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งมีผลทำให้การเจริญเติบโตลดลงจนเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหรือตายได้
        การเลี้ยงปลาทั่วไปจะนิยมใช้อาหารมีชีวิต และอาหารสำเร็จรูป โดยในระยะที่ปลามีขนาดเล็กมักจะนิยมใช้อาหารมีชีวิตแต่เมื่อปลามีขนาดใหญ่ ก็จะเปลี่ยนเป็นอาหารสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูปมีข้อดี กว่าอาหารธรรมชาติหลายประการได้แก่ สามารถที่จะควบคุมคุณภาพ ให้มีคุณภาพที่เป็นไปตามมาตรฐานที่จะทำให้เป็นที่ยอมรับของ ลูกปลา และทำให้อัตราการรอดตาย สูงด้วย ดังนั้นในการผลิตอาหาร จึงต้องคำนึงถึงองค์ประกอบเหล่านี้ ความสม่ำเสมอ และความคงทนในขณะที่ละลายน้ำเนื่องจาก อาหารสำเร็จรูปจะทำให้น้ำเสียได้ง่าย ขนาดของอาหารต้องปรับให้ เข้ากับการเจริญเติบโตของลูกปลา ขนาดของอาหารใหญ่ขึ้นเมื่อปลามีขนาดใหญ่ขึ้น ชนิดและประเภทของอาหาร ต้องมีความเหมาะสมกับที่อยู่อาศัยของปลา ในที่นี้จะขอร่วมกับในส่วนของอาหารสำเร็จรูป จากนั้นจะตามด้วยอาหารมีชีวิต ความต้องการอาหารของปลาได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุอันจะเป็นประโยชน์ในการทำอาหารสำเร็จรูป อีกส่วนเป็นการเพาะเลี้ยงอาหารมีชีวิต ได้แก่ อาร์ทีเมีย ไรแดง หนอนนก และหนอนแดง เป็นต้น


แบบทดสอบตนเองก่อนเรียน

1.ข้อใดที่ไม่ใช่ประโยชน์ของตู้ปลา
   ก.สร้างนิสัยอ่อนโยน                     ข.ประกอบอาชีพเสริมได้
   ค.ช่วยพัฒนาสภาพจิตใจให้ดีขึ้น          ง.ช่วยทำให้คนมีอาชีพเพิ่มและเห็นแก่ตัวมากขึ้น

2.ตู้ปลาทรงกลมนิยมจัดไว้ที่ใด
   ก.ในสวนหิน                             ข.โต๊ะทำงาน
   ค.ห้องประชุม                            ง.ในสวนที่มีภูเขาน้ำตก

3.เครื่องปั๊มอากาศที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
    ก.มีขนาดใหญ่มากเท่าใดก็ดี            ข.มีการพ่นอากาศได้แรงสม่ำเสมอ
    ค.เครื่องต้องไม่ร้อนในขณะทำงาน       ง.มีอายุการใช้งานได้นานพอสมควร

4.ระบบกรองน้ำภายในกล่องมีใยแก้วและถ่านคาร์บอนสำหรับกรองสิ่งสกปรกเรียกว่าระบบกรองน้ำข้อใด
   ก.ระบบกรองน้ำใต้ทราย                 ข.ระบบกรองน้ำเหนือทราย
   ค.ระบบกรองน้ำแบบกล่องนอกตู้          ง.ระบบน้ำแบบกล่องในตู้

5.น้ำที่เหมาะสมกับการใส่ในตู้ปลาคือน้ำชนิดใด
   ก.น้ำในแม่น้ำลำคลอง                    ข.น้ำฝนที่ตกลงมาเก็บไว้ค้างปี
   ค.น้ำประปาที่เปิดออกจากห้องน้ำ         ง.น้ำประปาที่รองใส่ภาชนะพักไว้ 2-3 วัน

6.ก่อนปลูกพันธ์ไม้น้ำลงในตู้ปลาควรทำอย่างไรก่อน
   ก.ปลูกพันธ์ไม้ทรงสูงอยู่ด้านหลัง              ข.ปลูกพันธุ์ไม้น้ำทรงสูงอยู่ด้านหลัง
   ค.นำไม้กดพื้นดินให้เป็นร่องแคบๆก่อนปลูก   ง.นำไม้กดพื้นกรวดให้เป็นร่องเล็กๆก่อนปลูก

7.การเติมน้ำลงในตู้ปลาจะเติมอย่างไร
    ก.ใช้ภาชนะตักใส่ทีละน้อย                    ข.ใช้เปิดจากก๊อกน้ำใส่ลงไปในตู้ปลา
    ค.ใช้ตู้ปลาจ้วงตักน้ำให้เข้าภายในในตู้ปลา     ง.ใช้แบบกาลักน้ำ หรือใช้สายยางดูดน้ำเบาๆ

8.ปลาที่เลี้ยงรวมกลุ่มกันได้แก่ปลาอะไร
   ก.ปลาหางนกยูงและปลากัดจีน                   ข.ปลาหางนกยูงและปลาหางดาบ
   ค.ปลาหางนกยูงและปลาออสการ์                 ง.ปลาหางนกยูงและปลาปอมปาดัวร์

9.การปล่อยปลาลงในตู้ปลาควรคำนึงถึงข้อใด
   ก.เปิดไฟในตู้ให้สวยงาม                        ข.ใส่อุปกรณ์ภายในตู้ให้พร้อมก่อน
   ค.ใส่อุปกรณ์ภายในตู้พร้อมกับใส่น้ำ              ง.ให้น้ำภายในตู้ปลาและในถุงมีอุณหภูมิใกล้เคียง

10.หลักการให้อาหารปลาที่ถูกต้องคืออะไร
    ก.ให้ทีละมากๆ                                ข.ให้ที่ละน้อยๆ
    ค.ให้ตอนเช้าและตอนเย็น                       ง.ให้ตอนเช้าและตอนกลางคืน


เฉลย:1.ค    2.ข    3.ข   4.ค    5.ง    6.ง    7.ง    8.ข    9.ง    10.ข